Life without Borders
นางสาวนฤมล คมคายเลิศ เลขที่ 25 เลขประจำตัว 13992 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 / 5 โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ จังหวัดสตูล บ้านเลขที่ 790 ซอย ประชาร่วมใจ ม.4 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล 91000...
วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555
วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
สิ่งที่เรามองข้าม
บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย.. ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ อยากให้ทุกคนได้อ่าน ข้อความนี้ มีความหมายดีนะ
ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น…………
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้ว
จงแสวงหา การหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย
น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง
และเวลานี้….
ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลาที่จะ copy ข้อความนี้ไปให้คนที่คุณรักอ่าน…… แล้วคิดว่า….สักวันหนึ่ง………..ค่อยส่ง.. จงอย่าลืมคิดว่า….สักวันหนึ่ง…..วันนั้น คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้เพื่อทำอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้
มีไปทำไม
บทความเตือนสติ คติเตือนใจอีกบท ที่ไปเจอมาทางอินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับการ “มี” มีไปทำไม ถ้าไม่ได้ใช้ จึงเกิดความไม่พอดีขึ้นในชีวิต ลองอ่านกันดูครับ
มีไปทำไม
มีเงินนับแสนล้าน แต่ใช้จริงวันละไม่ถึงร้อยมีบ้านใหญ่โตอย่างกับวัง แต่อยู่กันแค่ 4 คน พ่อแม่ลูกมีรถนับสิบสิบคัน แต่ใช้งานจริงแค่คันเดียวมีเตียงใหญ่โตมโหฬาร แต่นอนเพียงแค่เต็มแผ่นหลังมีนาฬิกาแสนแพง แต่ไม่เคยทำอะไรตรงเวลามีเวลาอยู่ในโลกไม่ถึงร้อยปี แต่กลับแบ่งเวลาไปริษยาคนอื่นมีกฏหมายนับพันมาตรา แต่มีอาชญากรอยู่เต็มเมืองมี ส.ส. อยู่เต็มสภาพ แต่มาประชุมไม่เคยครบเลยมีพ่อแม่อยู่ที่บ้าน แต่ไม่เคยปรนิบัติท่านเลยมีอำนาจอยู่เต็มมือ แต่ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเลยมีภรรยาแสนดี แต่ไม่เคยแบ่งเวลาให้เธอเลยมีลูกแสนน่ารัก แต่ไม่เคยโอบกอดลูกเลยมีพระไตรปิฏกอยู่เต็มตู้ แต่ไม่เคยเปิดออกมาศึกษาเลยมีวัดอยู่แทบทุกหมู่บ้าน แต่ศีลธรรมของสังคมแย่ลงทุกวันมีรองเท้าเป็นพันคู่ แต่ใส่จริงแค่วันละคู่มีพี่น้องนับ สิบคน แต่แตกสามัคคีกันทุกคนมีมือมีเท้าสมบูรณ์ แต่ไม่เคยลงแรงทำอะไรเลยมีหูอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยฟังธรรมเลยมีตาอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยมองหาสิ่งที่ดีเลยมีเท้าอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยเดินเข้าหาโอกาสเลยมีปัญญาอยู่กับตัว แต่กลับใช้อารมณ์เป็นใหญ่
จะเห็นได้ว่าหลายสิ่ง แม้มีเราก็ไม่ได้ใช้ หลายสิ่ง แม้มีเราก็ไม่เห็นคุณค่า บทความนี้คงทำให้หลายคนฉุกคิดได้ว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่ “มี”
วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ตื่นตีห้าหน้าอยู่ดูหนังสือ
ยังมืดตื๋ออยู่นี่หว่าฟ้าไม่ใส
รีบล้างหน้าแปลงฟันด้วยทันใจ
เสร็จแล้วไซร้เดินหน้ายุ่งเข้ามุ้งนอน...ฯ
ยังมืดตื๋ออยู่นี่หว่าฟ้าไม่ใส
รีบล้างหน้าแปลงฟันด้วยทันใจ
เสร็จแล้วไซร้เดินหน้ายุ่งเข้ามุ้งนอน...ฯ
"อยากเรียนเก่ง ทำไงดี ???"
อ๋อ...ไม่ยาก ฟังให้ดีนะ จะบอกให้เป็นข้อๆ ไปเลย
๑.เพิ่มความกระฉับกระเฉงให้แก่ความคิด ทั้งนี้ ด้วยการปรับปรุงสุขภาพให้ดีขึ้นก่อน
๒.กำจัดสิ่งต่างๆ ที่คอยขวางความสนใจและแรงกระตุ้นในการเรียนออกไปให้หมด
๓.วางแผนการเรียนเสียใหม่ โดยจัดตารางให้เหมาะสม
๔.ลดความวิตกกังวลในเรื่องต่างๆ และลดการทะเลาะเบาะแว้งหรือมีปัญหากับผู้อื่น
ทำได้แค่นี้ คุณก็เก่งแล้ว เพราะคุณคือคนเก่ง ไม่ใช่เก่งธรรมดา เก๊งเก่ง.เก่งมากซะด้วยซี..
แต่คุณไม่กล้าที่จะใช้ความเก่งของคุณให้มากๆ เท่านั้นเอง
แต่..เอ..คุณต้องลองทำอะไรบางอย่างดูหน่อยนะ คือ
ลองถามตัวเองด้วยคำถามต่อไปนี้ดู.....(ตอบโดยไม่ต้องมองเพื่อน)
๑.เวลาทั้งหมดที่คุณใช้ไปในแต่ละวัน ตรงกับเป้าหมายและจำเป็นมั๊ย?
๒.คุณใช้เวลาในการทบทวนบทเรียนเพียงพอมั๊ย?
๓.มีกิจกรรมใดบ้าง ที่กินเวลาของคุณเกินความจำเป็น
๔.คุณเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์บ้างไหม และเป็นเวลาช่วงไหน?
อ๋อ...ไม่ยาก ฟังให้ดีนะ จะบอกให้เป็นข้อๆ ไปเลย
๑.เพิ่มความกระฉับกระเฉงให้แก่ความคิด ทั้งนี้ ด้วยการปรับปรุงสุขภาพให้ดีขึ้นก่อน
๒.กำจัดสิ่งต่างๆ ที่คอยขวางความสนใจและแรงกระตุ้นในการเรียนออกไปให้หมด
๓.วางแผนการเรียนเสียใหม่ โดยจัดตารางให้เหมาะสม
๔.ลดความวิตกกังวลในเรื่องต่างๆ และลดการทะเลาะเบาะแว้งหรือมีปัญหากับผู้อื่น
ทำได้แค่นี้ คุณก็เก่งแล้ว เพราะคุณคือคนเก่ง ไม่ใช่เก่งธรรมดา เก๊งเก่ง.เก่งมากซะด้วยซี..
แต่คุณไม่กล้าที่จะใช้ความเก่งของคุณให้มากๆ เท่านั้นเอง
แต่..เอ..คุณต้องลองทำอะไรบางอย่างดูหน่อยนะ คือ
ลองถามตัวเองด้วยคำถามต่อไปนี้ดู.....(ตอบโดยไม่ต้องมองเพื่อน)
๑.เวลาทั้งหมดที่คุณใช้ไปในแต่ละวัน ตรงกับเป้าหมายและจำเป็นมั๊ย?
๒.คุณใช้เวลาในการทบทวนบทเรียนเพียงพอมั๊ย?
๓.มีกิจกรรมใดบ้าง ที่กินเวลาของคุณเกินความจำเป็น
๔.คุณเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์บ้างไหม และเป็นเวลาช่วงไหน?
ขั้นตอนในการทำตารางเวลา
๑.ศึกษากิจวัตรประจำวันของคุณโดยละเอียด
๒.วางแผนการเรียนล่วงหน้าไว้ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะได้มองเห็นว่ามีอะไรที่จะ
ต้องทำให้อนาคตบ้าง
๓.ตัดสินใจว่าจะใช้เวลาดูหนังสือและทบทวนบทเรียนสัปดาห์ละกี่ชั่วโมง สาระสำคัญของบท
เรียนให้ทบทวนตอนเช้าเราเพราะสมองกำลังปลอดโปร่ง
๔.แต่ละสัปดาห์ มีการวางแผนการเรียน การทบทวนบทเรียนเฉพาะสัปดาห์นั้นๆ
๒.วางแผนการเรียนล่วงหน้าไว้ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะได้มองเห็นว่ามีอะไรที่จะ
ต้องทำให้อนาคตบ้าง
๓.ตัดสินใจว่าจะใช้เวลาดูหนังสือและทบทวนบทเรียนสัปดาห์ละกี่ชั่วโมง สาระสำคัญของบท
เรียนให้ทบทวนตอนเช้าเราเพราะสมองกำลังปลอดโปร่ง
๔.แต่ละสัปดาห์ มีการวางแผนการเรียน การทบทวนบทเรียนเฉพาะสัปดาห์นั้นๆ
ท้ายที่สุด จะเป็นประโยชน์มากๆ หากคุณสามารถบันทึกประจำวันเกี่ยวกับการทบทวนบท
เรียนในแต่ละวันได พอหมดสัปดาห์ ก็ประเมินการเรียนของคุณจากบันทึกที่จดไว้ หากคุณทำได้
แบบนี้ จะพบว่าจะมีทั้งวันเลยเชียวที่คุณสนุกกับการทบทวนบทเรียน..ลองดูซิ
อาจจะมีบ้าง วันที่คุณสุดเซ็ง ก็ช่างมันเถอะ...นอนซะ หรือไม่ก็..หาวิธี relax อย่างอื่น..ที่
ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับตัวเองและคนอื่น...
มีวินัยยิ่งขึ้น คือกุญแจดอกเดียวที่จะนำไปสู่การบริหารเวลาของคุณ...
หากคุณทำทุกอย่างที่ว่ามานี้แล้ว ยังไม่เก่งซักที คุณจะต้องปฏิบัติ ๓ วิธีสุดท้ายแล้วหละ..
คือ..๑. ขยัน ๒. ขยัน ๓. ขยัน
โชคดี...บ๊าย...บาย...
...หลับง่าย...ตื่นยาก...พูดมาก...เรียนน้อย...แล้วจะเอาเกรด ๔ รวด...อูวะ....???...
เรียนในแต่ละวันได พอหมดสัปดาห์ ก็ประเมินการเรียนของคุณจากบันทึกที่จดไว้ หากคุณทำได้
แบบนี้ จะพบว่าจะมีทั้งวันเลยเชียวที่คุณสนุกกับการทบทวนบทเรียน..ลองดูซิ
อาจจะมีบ้าง วันที่คุณสุดเซ็ง ก็ช่างมันเถอะ...นอนซะ หรือไม่ก็..หาวิธี relax อย่างอื่น..ที่
ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับตัวเองและคนอื่น...
มีวินัยยิ่งขึ้น คือกุญแจดอกเดียวที่จะนำไปสู่การบริหารเวลาของคุณ...
หากคุณทำทุกอย่างที่ว่ามานี้แล้ว ยังไม่เก่งซักที คุณจะต้องปฏิบัติ ๓ วิธีสุดท้ายแล้วหละ..
คือ..๑. ขยัน ๒. ขยัน ๓. ขยัน
โชคดี...บ๊าย...บาย...
...หลับง่าย...ตื่นยาก...พูดมาก...เรียนน้อย...แล้วจะเอาเกรด ๔ รวด...อูวะ....???...
วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)