Welcome to Bee Story >w<

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สิ่งที่เรามองข้าม


บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย.. ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ อยากให้ทุกคนได้อ่าน ข้อความนี้ มีความหมายดีนะ
ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น…………
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้ว
จงแสวงหา การหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย
น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง
และเวลานี้….
ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลาที่จะ copy ข้อความนี้ไปให้คนที่คุณรักอ่าน…… แล้วคิดว่า….สักวันหนึ่ง………..ค่อยส่ง.. จงอย่าลืมคิดว่า….สักวันหนึ่ง…..วันนั้น คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้เพื่อทำอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้

มีไปทำไม



บทความเตือนสติ คติเตือนใจอีกบท ที่ไปเจอมาทางอินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับการ “มี” มีไปทำไม ถ้าไม่ได้ใช้ จึงเกิดความไม่พอดีขึ้นในชีวิต ลองอ่านกันดูครับ

มีไปทำไม

มีเงินนับแสนล้าน แต่ใช้จริงวันละไม่ถึงร้อย
มีบ้านใหญ่โตอย่างกับวัง แต่อยู่กันแค่ 4 คน พ่อแม่ลูก
มีรถนับสิบสิบคัน แต่ใช้งานจริงแค่คันเดียว
มีเตียงใหญ่โตมโหฬาร แต่นอนเพียงแค่เต็มแผ่นหลัง
มีนาฬิกาแสนแพง แต่ไม่เคยทำอะไรตรงเวลา
มีเวลาอยู่ในโลกไม่ถึงร้อยปี แต่กลับแบ่งเวลาไปริษยาคนอื่น
มีกฏหมายนับพันมาตรา แต่มีอาชญากรอยู่เต็มเมือง
มี ส.ส. อยู่เต็มสภาพ แต่มาประชุมไม่เคยครบเลย
มีพ่อแม่อยู่ที่บ้าน แต่ไม่เคยปรนิบัติท่านเลย
มีอำนาจอยู่เต็มมือ แต่ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเลย
มีภรรยาแสนดี แต่ไม่เคยแบ่งเวลาให้เธอเลย
มีลูกแสนน่ารัก แต่ไม่เคยโอบกอดลูกเลย
มีพระไตรปิฏกอยู่เต็มตู้ แต่ไม่เคยเปิดออกมาศึกษาเลย
มีวัดอยู่แทบทุกหมู่บ้าน แต่ศีลธรรมของสังคมแย่ลงทุกวัน
มีรองเท้าเป็นพันคู่ แต่ใส่จริงแค่วันละคู่
มีพี่น้องนับ สิบคน แต่แตกสามัคคีกันทุกคน
มีมือมีเท้าสมบูรณ์ แต่ไม่เคยลงแรงทำอะไรเลย
มีหูอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยฟังธรรมเลย
มีตาอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยมองหาสิ่งที่ดีเลย
มีเท้าอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยเดินเข้าหาโอกาสเลย
มีปัญญาอยู่กับตัว แต่กลับใช้อารมณ์เป็นใหญ่
จะเห็นได้ว่าหลายสิ่ง แม้มีเราก็ไม่ได้ใช้ หลายสิ่ง แม้มีเราก็ไม่เห็นคุณค่า บทความนี้คงทำให้หลายคนฉุกคิดได้ว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่ “มี”


วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555





สูตรเรียนเก่ง

           ตื่นตีห้าหน้าอยู่ดูหนังสือ
                               ยังมืดตื๋ออยู่นี่หว่าฟ้าไม่ใส
                   รีบล้างหน้าแปลงฟันด้วยทันใจ
          เสร็จแล้วไซร้เดินหน้ายุ่งเข้ามุ้งนอน...ฯ
         
           "อยากเรียนเก่ง ทำไงดี ???"
          อ๋อ...ไม่ยาก ฟังให้ดีนะ จะบอกให้เป็นข้อๆ ไปเลย
          ๑.เพิ่มความกระฉับกระเฉงให้แก่ความคิด ทั้งนี้ ด้วยการปรับปรุงสุขภาพให้ดีขึ้นก่อน
          ๒.กำจัดสิ่งต่างๆ ที่คอยขวางความสนใจและแรงกระตุ้นในการเรียนออกไปให้หมด
          ๓.วางแผนการเรียนเสียใหม่ โดยจัดตารางให้เหมาะสม
          ๔.ลดความวิตกกังวลในเรื่องต่างๆ และลดการทะเลาะเบาะแว้งหรือมีปัญหากับผู้อื่น
          ทำได้แค่นี้ คุณก็เก่งแล้ว เพราะคุณคือคนเก่ง ไม่ใช่เก่งธรรมดา เก๊งเก่ง.เก่งมากซะด้วยซี..
          แต่คุณไม่กล้าที่จะใช้ความเก่งของคุณให้มากๆ เท่านั้นเอง
          แต่..เอ..คุณต้องลองทำอะไรบางอย่างดูหน่อยนะ คือ
          ลองถามตัวเองด้วยคำถามต่อไปนี้ดู.....(ตอบโดยไม่ต้องมองเพื่อน)
          ๑.เวลาทั้งหมดที่คุณใช้ไปในแต่ละวัน ตรงกับเป้าหมายและจำเป็นมั๊ย?
          ๒.คุณใช้เวลาในการทบทวนบทเรียนเพียงพอมั๊ย?
          ๓.มีกิจกรรมใดบ้าง ที่กินเวลาของคุณเกินความจำเป็น
          ๔.คุณเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์บ้างไหม และเป็นเวลาช่วงไหน?
          ขั้นตอนในการทำตารางเวลา
          ๑.ศึกษากิจวัตรประจำวันของคุณโดยละเอียด
          ๒.วางแผนการเรียนล่วงหน้าไว้ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะได้มองเห็นว่ามีอะไรที่จะ
          ต้องทำให้อนาคตบ้าง
          ๓.ตัดสินใจว่าจะใช้เวลาดูหนังสือและทบทวนบทเรียนสัปดาห์ละกี่ชั่วโมง สาระสำคัญของบท
          เรียนให้ทบทวนตอนเช้าเราเพราะสมองกำลังปลอดโปร่ง
          ๔.แต่ละสัปดาห์ มีการวางแผนการเรียน การทบทวนบทเรียนเฉพาะสัปดาห์นั้นๆ
          
          ท้ายที่สุด จะเป็นประโยชน์มากๆ หากคุณสามารถบันทึกประจำวันเกี่ยวกับการทบทวนบท
          เรียนในแต่ละวันได พอหมดสัปดาห์ ก็ประเมินการเรียนของคุณจากบันทึกที่จดไว้ หากคุณทำได้
          แบบนี้ จะพบว่าจะมีทั้งวันเลยเชียวที่คุณสนุกกับการทบทวนบทเรียน..ลองดูซิ
          อาจจะมีบ้าง วันที่คุณสุดเซ็ง ก็ช่างมันเถอะ...นอนซะ หรือไม่ก็..หาวิธี relax อย่างอื่น..ที่
          ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับตัวเองและคนอื่น...
          มีวินัยยิ่งขึ้น คือกุญแจดอกเดียวที่จะนำไปสู่การบริหารเวลาของคุณ...
          หากคุณทำทุกอย่างที่ว่ามานี้แล้ว ยังไม่เก่งซักที  คุณจะต้องปฏิบัติ ๓ วิธีสุดท้ายแล้วหละ..
          คือ..๑. ขยัน ๒. ขยัน  ๓. ขยัน
          โชคดี...บ๊าย...บาย...
...หลับง่าย...ตื่นยาก...พูดมาก...เรียนน้อย...แล้วจะเอาเกรด ๔ รวด...อูวะ....???...